Top Social

รีวิว Hifu Ultraformer 3 ยกกระชับผิวหน้าได้จริงเหรอ

พอเข้าช่วงวัยใกล้จะ 30 สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาแบบรู้สึกได้เลยคือ เรื่องความหย่อนคล้อยของใบหน้าร่องแก้มมาเต็ม รู้สึกได้จนต้องหาตัวช่วย ความโชคดีคือสมัยนี้คือมีคลินิกให้เลือกหลากหลายและมีหลากหลายวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ 


สิ่งที่สนใจสุดในตอนนี้คือ Hifu เห็นคนรอบข้างใช้วิธีการยกกระชับกรอบหน้าด้วยวิธีการนี้เยอะมาก ทางเราก็ไม่รอช้าค่ะ อยากทำต้องได้ทำอยากลองต้องได้ลอง คลินิกที่มดเลือกทำคือที่ L.A.B. X Clinic สาขา Siam Square One เข้าไปปุ๊บก็เข้าไปพบคุณหมอก่อนเลยเพื่อให้คุณหมอแนะนำโปรแกรมที่เหมาะกับตัวเรา



Hifu Ultraformer 3 ดียังไง ?


คุณหมอแนะนำให้มดทำ Hifu ด้วยเครื่อง Ultraformer 3 ซึ่งเจ้าเครื่องรุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ใช้พลังงาน MMFU สามารถยกกระชับใบหน้าได้ถึงใต้ชั้นใต้ผิวหนัง ยิ่งลึกก็จะทำให้ผิวกระชับได้มากขึ้น และวิธีนี้สามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่หลังทำครั้งแรกเลย และยังสามารถอยู่ได้นาน 6 เดือน - 1 ปี

ระหว่างที่รอผู้ช่วยเตรียมยาชามดแอบถ่ายเครื่องมาให้ชมกันด้วย เจ้าเครื่องนี้แหละที่จะเสกให้ผิวเราแน่นกระชับขึ้น



พร้อมขึ้นเขียงลบเครื่องสำอางในบริเวณที่จะยิงและแปะยาชานอนเล่นรอเพลิน ๆ 40 นาที


เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็เริ่มยิงได้เลย คุณหมอจะทดสอบความแรงก่อนว่าเราไหวไหม ก่อนที่จะยิงจะมีการทาเจลเย็นในบริเวณที่จะยิงด้วยค่ะ คุณหมอปราณีตมาก มดก็นอนเพลิน ๆ ให้คุณหมอยิงชิล ๆ การยิ่งด้วย Ultraformer 3 จะใช้ 2 หัวในการยิง ยิงทีละหัวจะมี 1 หัวที่ยิงลึกและละเอียด 



ความรู้สึกตอนโดนยิง Ultraformer 3

สำหรับเครื่องนี้ความรู้สึกที่รู้สึกได้คืออารมณ์เหมือนมีอะไรวิ่งอยู่ใต้ผิวหนัง วิธีการนี้มันเหมือนเป็นการไป เข้าไปเย็บชั้นใต้ผิว คุณหมอก็จะขยับเครื่องไปมาตามรูปหน้า เพื่อปรับรูปหน้าในบริเวณที่ต้องการให้กระชับ ส่วนตัวมดเองไม่รู้สึกร้อนหรืออะไรเลย แต่ในส่วนของความรู้สึกแบบนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะคะ

ส่วนตัวมดเองเป็นคนที่ตอนแรกก็แอบกลัวมาก กลัวเจ็บแต่ก็ไม่เลย นอนชิลๆ



เจ็บไหม ?

ทุกคนเชื่อไหมว่ามดไม่เจ็บเลย เป็นการยิงที่ชิลมาก ตอนแรกแอบกลัวเจ็บเพราะเห็นเพื่อนมักจะบอกว่าเจ็บมาก แต่ใดๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับความทนเจ็บได้ หรือผิวของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ แต่ถ้าให้ถามมดก็ต้องตอบตามตรง ๆ ว่ามดไม่เจ็บจริงๆ แค่รู้สึกเหมือนอะไรวิ่งผ่านชั้นใต้ผิวแค่นั้นเลย หลังทำก็ปกติเลยค่ะ

เทียบก่อนและหลังทำ ให้เห็นกันแบบชัด ๆ ก่อนทำหน้ามุมตรงชัดเจนมากว่าแก้มย้อยแทบมองไม่เห็นกรอบหน้าเลย



หลังทำ 1 อาทิตย์ สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือหน้าตรงจะเห็นกรอบหน้าที่ชัดขึ้นมากร่องแก้มตื้นขึ้น และความรู้สึกหลังทำที่รู้สึกได้เลยคือ รู้สึกว่าผิวแน่นตึงกระชับขึ้นแบบรู้สึกได้ชัดเจนมาก ส่วนตัวมดไม่มีอาการบวมหรือเจ็บใดๆ หลังทำเลย แอบแปลกใจตัวเองเหมือนกัน และหลังทำก็สามารถใช้ชีวิตปกติได้เลยค่ะ

สำหรับราคาโปรโมชั่นที่มีตอนนี้

ราคาดีมาก เขามีโปรโมชั่นยิงทั่วหน้า ราคา 6,999 บาทต่อครั้งเท่านั้น ถูกมาก
ทำปีละครั้งได้เลยชิลๆ

เอาจริง ๆ เห็นผลลัพธ์ชัดมากและเข้าใจเลยว่าทำไมต้องทำก็ตอนที่ต้องถ่ายรูปแล้วพอถ่ายออกมาเห็นกรอบหน้าชัดจนว้าวตัวเองนี่แหละค่ะ ทำให้ง่ายต่อการใช้ชีวิตและรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นด้วยค่ะ ตัดสินใจถูกมาก ๆ ที่เลือกทำกับคุณหมอที่ L.A.B X Clinic กราบคุณหมอกรอบหน้านี้คุณหมอจัดให้

สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจลองเข้าไปสอบถามรับคำปรึกษากันก่อนได้เลย พิกัด https://www.facebook.com/LABXCLINIC/ 

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนที่กำลังมีแพลนอยากไปทำหรือกำลังหาข้อมูลนะคะ ครั้งหน้ามดมีอะไรจะมาแชร์มาแบ่งปันให้ได้ชมกันอีกอย่าลืมเข้าไปกดติดตาม Facebook Fanpage ของมดกันไว้ด้วยน้า






รีวิว Rouge Dior Minaudiere เซ็ทลิป Dior Holiday Colletion 2021





เปิดตัวมาได้ว้าวมาก Rouge Dior Minaudière ที่มาใน Dior Holiday Colletion 2021 สำหรับคอลเลคชั่นนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอนและมดก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เห็นแล้วโดนตกตาม ๆ กันไป โดยเฉพาะ เซ็ทลิป Rouge Dior Minaudière ด้วยทั้งลวดลาย สีสัน และแพ็คเกจที่เย้ายวนเงินในกระเป๋าขนาดนี้ใครจะอดใจไหว

โดยในคอลเลคชั่นนี้ออกแบบมาเพื่อเป็นที่ระลึกถึงและยกย่องความงดงามของงานประดับตกแต่งด้านหน้าของบูติกดิออร์ ณ อาคารเลขที่ 30 บนถนนมงแตญจ์รังสรรโดยคุณปีเตอร์ ฟิลิปส์ ที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และภาพลักษณ์ประจำแผนก Dior Make-Up


ถ้าให้เลือกชิ้นที่สะดุดตาที่สุดก็คงต้องยกให้กับเซ็ทลิป Rouge Dior Minaudière ล่อเงินในกระเป๋าสุด ๆ ไปเลย แถมยังหายากมากเพราะวางขายปุ๊บสินค้าหมดปั๊บ 

ทางเราเองก็ได้ออกตามหาหลายสาขาจนสุดท้ายต้องจองถึงจะได้น้องมาไว้ในครอบครอง ใครจะไปอดใจไหวเพราะด้วยเซ็ทลิปนี้มาพร้อมกับกระเป๋าคลัชสีทองและเคสใส่ลิปสติกเห็นแล้วบอกกับใจตัวเองทันทีเลยว่าไม่มีไม่ได้ แล้วววว !!!

วันนี้มดหยิบมารีวิวให้ชมกันแบบละเอียดพร้อมภาพแน่น ๆ ถ้าพร้อมที่จะโดนป้ายยาแล้ว หายใจลึก ๆ แล้วไปชมกันเลยค่ะ


กระเป๋าคลัชที่มาพร้อมกับลวดลายตึกบูติกของดิออร์ ต้องบอกเลยว่าสวยจริงมาพร้อมกับโซ่ที่สามารถคอสบอดี้ได้ ตัวเคสลิปสิตด้านข้างก็สามารถแยกชิ้นส่วนออกจากกันได้อีกเป็นเหมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง ที่สำคัญคือแพ็คเกจเรียบหรูดูแพงมาก หาได้ที่ไหนกระเป๋าดิออร์ในราคาไม่ถึง 8 พัน

ตัวกระเป๋ามีน้ำหนักประมาณนึ่งเลย ไม่กิ๊กก๊อกนะจ๊ะ ไซซ์กระเป๋ามีขนาดเล็กให้อารมณ์แบบ Micro Bag น่ารัก ๆ ขนาดกำลังดี


ภายในเซ็ทมาพร้อมกับลิปสติกสีจึ้ง ๆ อีก 4 แท่งแต่ละสีแสบ ๆ ท้าลมหนาวที่กำลังจะถึงนี้มาก 3 แท่งในกระเป๋าคลัช เป็นลิปสติกไซส์จริงมาในรูปแบบของรีฟิว 

และอีก 1 แท่งที่มาในช่องเคสลิปสติกมาพร้อมกับปลอกลิปสติกลายลิมิเต็ดอิดิชั่น หยิบออกมาถือแล้วให้อารมณ์แบบ เหมือนสวยและรวยมากบรรพบุรุษต้นตระกูลเป็นเศรษฐีหลายหมื่นล้าน



ทั้ง 4 แท่งสามารถเอามาเปลี่ยนใส่กับปลอกแท่งจริงลายลิมิเตดได้อีกด้วย มันเริ่ดตรงนี้แหละทุกคนขาาา


ในเรื่องของเนื้อสีคุณภาพของลิป Dior ไม่ต้องพูเยอะ เนื้อดีและพิกเมนท์สีแน่นมาก ๆ อยู่แล้ว
โดยเฉพาะโทนสีเข้ม ๆ สีชัดสะใจมาก ๆ มดสวอชทั้ง 4 สี บนมือและบนปากไว้ให้ชมกันด้วย


ลิปที่มาในเซ็ททั้งหมด 4 สี
466 Pink Rose - Satin โทนสีชมพูพีช ๆ เนื้อซาติน
858 Red Pansy - Matte ลิปสติกสีแดงก่ำ เนื้อแมททเป็นโทนแดงที่สวยมาก
862 Winter Poppy - Velvet สีชมพูจี๊ด ๆ ออกไปทางโทนชมพูแดง สวยไม่แพ้สีอื่นเลย เนื้อกำมะหยี่
999 - Velvet โทนสีแดงออกไปทางแดงติ่งส้ม เนื้อลิปกำมะหยี่





สวอชเรียบร้อยทั้ง 4 สี ต้องบอกเลยว่าแต่ละสีเป็นโทนสีที่ค่อนข้างเจ็บแสบแต่เป็นโทนสีที่ไม่ว่าจะเป็นสาวผิวขาวหรือสาวผิวเข้มแบบมดก็ใช้ได้แน่นอน มดผิวประมาณ NC 30 ถ้าใครเป็นสายชอบลิปสีโทนแดงไม่ต้องลังเลใจกับเซ็ทนี้เลย แต่ถ้าคิดว่าสีแบบนี้ถ้าทาเต็มปากจะดูหนักไปแนะนำให้ทาแบบออมเบรฟรุ้ง ๆ เบลอ ๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ บอกเลยว่าพิเมนท์สีแน่นและติดทนมาก ๆ

สำหรับรีวิวแบบเคลื่อนไหวและวิธีการสะพายกระเป๋าในแต่ละแบบ ที่สามารถสะพายไดถึง 7 แบบ มดทำเป็นคลิปวีดีโอไว้ให้ชมกันด้วยชมเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ


สนนราคาค่าตัวน้อง ราคาเซ็ทละ 7,450 บาท
มดซื้อจาก The Mall ได้ลดเพิ่ม 10% และเพิ่มความคุ้มเข้าไปอีกมีแต้ม M Card เอาไปแลกส่วนลดเพิ่มได้มาอีก 500 บาท เท่ากับว่ามดได้เซ็ทนี้มาในราคา 6,205 บาทและที่  The Mall ช้อปครบ 6,000 ได้คูปองเงินสดเพิ่มอีก 200 บาท คุ้มแหละสบายใจมากลิปได้ใช้กระเป๋าก็ได้สะพาย


สำหรับสาว ๆ ที่กำลังตัดสนใจอยู่บอกเลยว่าไม่ต้องลังเลเลยค่ะ เจอที่สาขาไหนให้รีบตำไว้เลยคอลเลคชั่นอื่นไม่มีได้แต่สำหรับคอลเลคชั่นนี้ไม่มีไม่ได้จริง ๆ ค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ไว้ครั้งหน้ามดจะหาไอเทมใหม่ ๆ มาอัพเดทให้ได้ชมกันอีกค่ะ

รีวิวเลเซอร์กำจัดขนรักแร้+เลเซอร์รักแร้ขาวครั้งแรกในชีวิตที่ MEKO CLINIC



ใครมีปัญหาเรื่องขนรักแร้และรักแร้ดำมาทางนี้เลย เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปเลเซอร์ขนรักแร้ ด้วยเครื่อง Gentle yag และรักษารักแร้ดำกันต้องบอกก่อนเลยว่าส่วนตัวเป็นคนที่มีปัญหากับรักแร้มาตลอดเลย เพราะก่อนหน้านี้ใช้วิธีการถอนขนรักแร้จนรักแร้เริ่มเป็นหนังไก่ ไม่พอใช้โรลออนจนรักแร้ดำด้วยค่ะ หลังจากนั้นมามดก็พยายามทำทุกวิธีไม่ว่าจะเป็นการบำรุงต่าง ๆ วิธีไหนที่เขาว่าดีก็ลองทำตามแต่ก็ทำมาหลายวิธีแล้วจนวิธีสุดท้ายตัดสินใจเลือกใช้บริการคลีนิค โดยคลีนิคที่มดเลือกไปทำคือ MEKO CLINIC สาขาเซ็นทรัลเวิล์ด


ก่อนไปก็แอบเสิร์จหาข้อมูลเพื่อความมั่นใจอยู่เหมือนกันว่าที่นี่มีบริการในรูปแบบใดบ้างดูรีวิวต่าง ๆ จนโอเครู้สึกมั่นใจก็ตกลงเลือกที่นี่เลย ส่วนในเรื่องของความสะอาดก็มั่นใจได้ มดเข้าไปขอข้อมูลและปรึกษาว่ามีปัญหาเรื่องรักแร้เป็นหลักสรุปครั้งนี้มดจะทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ด้วยเครื่อง Gentle yag  และเลเซอร์รักแร้ขาว



ภายในคลีนิคมีที่นั่งรอเยอะมาก สะอาด ระหว่างนั่งรอก็กรอกข้อมูลไปพรางๆ เพราะพึ่งเคยมาทำครั้งแรกตอนแรกก็แอบกังวลอยู่ว่าจะเจ็บมาไหมเพราะส่วนใหญ่ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการ Yag จะเจ็บประมาณหนึ่ง

แต่ถ้าหากใครกลัวเจ็บที่นี่เค้ามีบริการโปะยาชาด้วย แต่การโปะยาชาก็จะต้องใช้เวลา 30-45 นาทีเลยเพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์


ในส่วนของการบริการจะมีพี่เจ้าหน้าที่คอยดูแลเราอยู่ตลอดเวลาว่าเราต้องไปในจุดไหนบ้าง แต่ละจุดที่เราต้องเข้าไปเลเซอร์ก็จะอยู่แยกห้องกัน


พอถึงเวลาที่ต้องเข้าไปเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ทางคลีนิคก็จะมีชุดให้เปลี่ยนเป็นชุดคลุมแขนกุดเพื่อให้ง่ายต่อการเลเซอร์


การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
คุณหมอแนะนำว่าก่อนทำหนึ่งสัปดาห์ให้ไว้ขนรักแร้มาได้เลยไม่ควรถอนหรือแว๊กซ์ก่อนมาเลเซอร์เพราะการใช้เครื่อง Gentle yag จะทำงานได้ดีต่อเมื่อมีเส้นขนไว้ขนรักแร้มาได้เลยไม่ต้องเขิลเลยค่ะ

เลเซอร์กำจัดขนด้วยเครื่อง Gentle yag
สำหรับเครื่องนี้เป็นเครื่องเลเซอร์ที่นำเข้าจาก USA ทางคลีนิคบอกว่าเป็นเครื่องใหม่ที่พึ่งนำเข้ามา คุณสมบัติคือ กำจัดขนถาวรไม่ก่อให้เกิดการความเสียหายต่อผิวหนัง หลังจากใช้เครื่องเลเซอร์กำจัดขนจะทำให้ขนบางและขึ้นน้อยลงสามารถทำได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น แขน ขา รักแร้ หนวด หรือบิกินี่

เครื่อง Gentle yag จะกำจัดขนลึกลงไปถึงรากนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมการกำจัดขนด้วยเครื่อง Gentle yag จึงเห็นผลได้ดี


 ความรู้สึกตอนทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ด้วยเครื่อง Gentle yag
รู้สึกเหมือนโดนหนังยางเส้นใหญ่ดีดรักแร้ถามว่าเจ็มไหม ต้องตอบเลยว่าเจ็บบ้างในบางจุด จุดไหนที่เป็นหนังอ่อนๆ ก็จะเจ็บหน่อยแต่เจ็บในระดับที่ทนได้ เพราะด้วยความที่เครื่องกำจัดขนลึกถึงรากโคนจริง ๆ ทนเจ็บนิดหน่อยไม่กี่วิบอกเลยว่าหลังจากทำชีวิตดีขึ้นมากจริง ๆ ค่ะ แต่ถ้าเป็นคนที่กลัวเจ็บมาก ๆ ทางคลีนิคก็มีบริการทายาชาก่อนเข้ารับบริการยิงเลเซอร์ด้วย เช่นกันค่ะ

เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
แนะนำให้ทำอย่าน้อย 5 ครั้งขึ้นไปถ้าซื้อเป็นคอร์สจะคุ้มมาก ผลลัพท์ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันบางคนมีขนเยอะและเส้นหนาการเลเซอร์ก็จะช่วยให้ขนบางและขึ้นช้าลง แต่สำหรับบางคนที่มีขนไม่เยอะมากทำเลเซอร์ไปไม่กี่ครั้งขนก็จะขึ้นช้าลงและอาจจะไม่กลับมาขึ้นอีกเลยค่ะ



หลังจากเลเซอร์กำจัดขนรักแร้เสร็จเราต่อด้วยเลเซอร์รักแร้ขาวเป็นคนที่มีปัญหารักแร้ดำมานานมากคุณหมอเลยแนะนำให้ทำเลเซอร์รักแร้ขาวด้วยเครื่อง Spectra Gold 

สาเหตุของการเกิดรักแร้ดำ
เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ อาทิเช่น การใช้โรลออนที่มีสารเคมี การเสียดสีของผิวสำหรับคนที่มีเนื้อช่วงรักแร้เยอะ

เลเซอร์รักแร้ขาวด้วยเครื่อง Spectra Gold 
Spectra Gold เป็นเครื่องเลเซอร์ที่นำเข้ามาจาก USA เช่นกันมีคุณสมบัติคือกำจัดเม็ดสีบนผิวหนัง เป็นเครื่องที่กำจัดเม็ดสีได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ การทำงานของเจ้าเครื่องนี้คือ Spectra Gold จะปล่อยพลังงานแสงเพื่อทำให้เม็ดสีเมลานินแตกกระจายตัว หลังจากนั้นเม็ดเลือดขาวจะดูดซึมหรือย่อยสลายเม็ดสีที่ผิดปกติ โดยจะถูกกำจัดผ่านการขับของเสียออกจากร่างกายเช่นการปัสวะ โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายใด ๆ กับร่างกายของเราเลยค่ะ



ความรู้สึกตอนทำเลเซอร์รักแร้ขาวด้วยเครื่อง Spectra Gold 
เป็นอะไรที่ชิลมากสำหรับเครื่องนี้ไม่เจ็บเลยความรู้สึกเหมือนมีหนังยางเส้นเล็ก ๆ มาดีดที่รักแร้เบา ๆ ระหว่างเลเซอร์คุณหมอจะเป่าลมเย็นไปด้วยเป็นการเลเซอร์ที่สบายรักแร้มาก ๆ ค่ะ

เลเซอร์รักแร้ขาวด้วยเครื่อง Spectra Gold ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
ต้องบอกเลยว่าผลลัพท์ของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกันอีกเช่นกันขึ้นอยู่กับแต่ละคนเลยแต่อย่าต่ำควรทำ 3 ครั้งขึ้นไป แต่ส่วนตัวมดแอบรู้สึกว่าทำแล้วรักแร้สว่างขึ้นแบบรู้สึกได้เลยคุณหมอแนะนำว่าพยายามมาทำบ่อย ๆ จะเห็นผลได้ดีขึ้นมาเลยทีเดียวค่ะ


ผลลัพท์หลังทำเลเซอร์กำจักขนรักแร้ + เลเซอร์รักแร้ขาว
อย่างที่ได้บอกไปว่ามดเป็นคนที่มีขนรักแร้น้อยและเส้นขนบางมากหลังจากทำเลเซอรกำจัดขนก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมากจริง ๆ หนังไก่ลดลงแบบรู็สึกได้เลย คือมันรู้สึกได้เลยว่าขนรักแร้บ้างส่วนเบาบางลงและเส้นก็บางลงด้วยเช่นกันค่ะ ส่วนเลเซอร์รักแร้ขาวก็รู้สึกว่ารอยดำมันจางลงบางส่วน เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่ารักแร้ดำอาจจะต้องใช้เวลาในการรักษาแต่มดเชื่อว่าวิธีการนี้ต้องเห็นผลได้ดีและชัดเจนแน่นอน



หลังทำดูแลยังไง
หลังเลเซอร์เสร็จก่อนกลับคุณหมอจะให้ยากลับบ้านมาทาก็ทาตามคุณหมอสั่ง และควรงดการถอน สครับหรือแว๊กซ์บริเวณรักแร้ หลีกเลี่ยงการใช้โรลออนในช่วง 3-4 วันแรกแต่สามารถใช้แป้งทาได้ค่ะ

สำหรับราคาโปรโมชั่นที่มดทำไปในครั้งนี้
- เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ด้วยเครื่อง Gentle yag เลเซอร์ 5 แถม 3 และแถมทรีทเม้นรักแร้ขาว 3 ครั้ง
ราคา 8,000 บาท
- เลเซอร์รักแร้ขาวด้วยเครื่อง Spectra Gold 5 ครั้ง ราคา 9,999 บาท

มดรีวิวแบบเป็นวีดีโอไว้ให้ชมกันด้วย เข้าไปชมกันได้เลย




ต้องบอกเลยว่าตัดสินใจถูกมาก ๆ ที่เลือกใช้วิธีการเลเซอร์เพราะเป็นตัวเลือกที่คิดว่าดีที่สุดจริง ๆ และส่วนตัวมดเองก็ไว้ใจและเชื่อมั่นใจตัวคลีนิคนี้ด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปสอบถามที่ MEKO CLINIC หรือเข้าไปที่ https://mekoclinic.com/ ได้เลยค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับสาว ๆ หลาย ๆ คนที่กำลังหาข้อมูลอยู่นะคะครั้งหน้ามดมีอะไรจะมารีวิวอีกติดตามกันไว้ได้เลยค่ะ










รีวิวแป้งฝุ่น Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder สี Translucent Honey แป้งฝุ่นคุมมัน


ไม่หยิบมารีวิวไม่ได้เลยสำหรับเจ้า Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder สี Translucent Honey กระปุกนี้ ถ้าให้พูดถึงแป้งฝุ่นที่ชอบและใช้มาตลอดก็คงต้องยกให้ Laura Mercier เป็นแบรนด์แรกๆ เลยที่นึกถึงและหลายคนพูดถึงกันมาโดยตลอดว่าเป็นแป้งฝุ่นที่บางเบาและคุมมัน จนยกให้ Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder เป็นแป้งที่ขึ้นแท่นหนึ่งใน Favorite แป้งที่ใช้แล้วชอบ


ล่าสุดเค้าออกเฉดสีใหม่ที่เอาสาวๆ โทนผิวเหลือง Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder สี Translucent Honey โทนสีของแป้งเรียกได้ว่าออกมาเพื่อเอาใจคนผิวกลางๆ ผิวเหลืองโดยเฉพาะเลยทีเดียว

Laura Mercier Translucent Honey เนิ้อแป้งสีเหลืองนวลเนื้อเนียนละเอียด บางเบา ตามแบบฉบับของ Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder 

เดิมที Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder มีสองสีที่ออกมาก่อนหน้านี้คือ Translucent และ Translucent Midium Deep และสีใหม่ล่าสุดที่พึ่งออกมา Translucent Honey เป็นสีกลางๆ ที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผิวโทนวอร์ม
สวอชให้ดูความต่างของทั้ง 3 สี
Translucent แป้งฝุ่นโปร่งแสงเหมาะกับทุกสีผิวใช้ได้ทุกคน
Translucent Honey ออกโทนสีเหลืองนวล ปัดแล้วได้ผิวที่ดูนวลซอฟท์ๆ เหมาะกับโทนผิวกลางโทนอุ่น
Translucent Midium Deep แป้งโทนสีเข้ม เหมาะกับโทนผิวปานกลางไปถึงผิวเข้มหรือนำมาทำเป็นเฉดดิ้งได้

ทั้ง 3 เนื้อเป็นแป้งฝุ่นโปร่งแสงเกลี่ยง่ายมีส่วนผสมของ Soft Focus Flex Powders ผงแป้งบดละเอียดไม่สะท้อนแสง ไม่อุดตัน คุมมันและเกลี่ยง่าย
หลังลองใช้ Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder สี Translucent Honey เซตผิวหลังแต่งหน้าผลที่ได้คือรู้สึกได้เลยว่าตัวแป้งช่วยทำให้ผิวดูซอฟท์ ดูผิวเบลอ ๆ ละมุนมาก เอาไว้เซตใต้ตาก็ช่วยให้ในตาดูสว่างขึ้น และถ้าแต่งหน้าแบบมือหนักเกินไปก็สามารถใช้แป้งสี Translucent Honey ไว้เบรคและเซตให้สีดูซอฟท์ลงได้ด้วย

เป็นแป้งที่อเนกประสงค์มาก ๆ เอาจริง ๆ หลังจากลองใช้ส่วนตัวมดแอบชอบ Translucent Honey มากกว่าสี Translucent อีก เหมือนสีนี้เกิดมาเพื่อเรา ใครที่มีสีผิวโทนกลาง ๆ ไปจนถึงผิวแทนมดว่าสีนี้เหมาะมาก ๆ


ราคา 1,690 บาท 
มีวางขายที่เคาน์เตอร์ทุกสาขาหรือสั่งออนไลน์ได้ที่ www.sephora.co.th และ www.centralonline.co.th 

กดสั่งซื้อ

ใครที่กำลังตัดสินใจซื้อ แนะนำให้ลองไปเล่นที่เคาน์เตอร์ดูก่อนได้เลย
ถ้าต้องให้คะแนน Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder สี Translucent Honey สำหรับมด มดต้องให้เต็ม 10 ไม่หักเลย อย่างที่บอกเลยว่าชอบจริง ๆ เหมือนป้าลอร่าเค้าคิดมาเพื่อเราจริง ๆ ถูกใจมากค่ะ 

ครั้งหน้ามดจะหยิบอะไรมารีวิวให้ชมกันอีกรอติดตามได้เลยวันนี้ไปก่อนแล้วค่าา


ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ครั้งแรกที่ Masterpiece Hospital เจ็บไหม



ผู้หญิงอย่าหยุดสวย คำที่อยู่ในหัวตลอดเวลายุคนี้ใคร ๆ ก็อยากสวยกันทั้งนั้นและมดเองก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่อยากสวยตลอดเวลาเช่นกัน แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นคนขี้กลัวมาก ๆ กลัวเจ็บ แต่ก็ยังอยากสวยและต้องการความสวยที่ปลอดภัยไว้ใจมากพอที่จะเลือกทำสวยด้วยค่ะ

ครั้งนี้มดเลือกไปที่ Masterpiece Hospital เพราะที่นี้เป็นโรงพยาบาลศัลกรรมที่ใหญ่และครบวงจรมาก ๆ เข้าไปยังแอบรู้สึุกตกใจกับความใหญ่ของที่นี่มากมีแยกออกเป็นหลายส่วน  ส่วนตัวมดไปในส่วนของ Skin Master By Master Piece Hospital ส่วนนี้จะเป็นส่วนของการดูแลผิว เลเซอร์ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ต่าง ๆ ค่ะ


นั่งรอจนถึงคิวตื่นเต้นมาก ๆ หลังจากนั้นก็เข้าห้องตรวจเพื่อปรึกษาคุณหมอว่าเรามีส่วนไหนที่ต้องแก้ไขบ้าง และเรามีปัญหาจุดไหนบ้างที่เราอยากทำ หลังบอกความต้องการเสร็จ บอกเลยว่าคุณหมอที่นี่แนะนำดีมาก เค้าจะแนะนำว่าเราเหมาะสมที่จะทำอะไรหรือไม่จำเป็นต้องทำอะไร แค่ไหนถึงจะสวยไม่ยัดเยียดหรือตามใจเราจนเกินพอดีไป


อย่างมดเอง มดต้องการให้หน้ามีความชัดมากขึ้นอยากมีกรอบหน้าตอนแรกอยากไปทำ Hifu แต่คุณหมอแนะนำว่าแค่ฉีดโบท็อกซ์และเพิ่มฟิลเลอร์คางก็ทำให้หน้าดูสวยขึ้นแล้ว

และคุณหมอยังแนะนำต่ออีกว่าเดิมทีมดเป็นคนที่มีคางสั้นมากคางบุ๋มด้วนการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยทำให้หน้าดูยาวสมส่วนดูเต็มขึ้นแค่มีคางคือสวยเลย ดังนั้นเราจะไม่ขัดใจหมอลองฟิลเลอร์คางครั้งแรกในชีวิตไปเลยจ้าาา



มดเลือกใช้ Filler Neuramis เป็นฟิลเลอร์น้องใหม่ที่มาจากประเทศเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Medytox เป็นบริษัทเดียวกับบริษัทที่ผลิต Botox แบรนด์ Neuronox โบท็อกซ์ชื่อดังที่ขายในหลายประเทศที่เรารู้จักกันนั่นเอง

คุณหมอใช้ Neuramis Deep มั่นใจได้ว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ตัวนี้จะไม่มียาชาในหลอดคุณหมอบอกว่าตอนฉีดอาจจะรู้สึกเจ็บแสบนิด ๆ แต่กล้าพูดได้เลยว่าตอนคุณหมอฉีดมดแทบไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะคุณหมอมือเบามากรู้สึกแค่ว่าเหมือนมีอะไรฉึดเข้าไปแค่นั้น คือไม่เจ็บเลยชิลจนหยิบมือถือมาถ่ายสตอรี่ไอจีได้แบบไม่กลัวเลย คุณหมอฉีดให้ 1 CC

การดูแล คุณหมอแนะนำหลังฉีดให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ ฟิลเลอร์จะได้อยู่ได้นานขึ้น เลี่ยงการออกกำลังกาย และการอบซาวน์หน้าในช่วงแรก ๆ หลังฉีด



ข้ามผ่านความกลัวมาได้แบบชิลมาก ๆ ต่อด้วย  Botox มดเลือกโบท็อกซ์ของ Neuronox โบท็อกซ์ตัวดังที่หลาย ๆ คนน่าจะรู็จักคุ้นเคยเป็นของเกาหลีฉีดเพื่อลดกรามทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 40 ยูนิต

Neuronox โบท็อกซ์ชนิดนี้เหมาะกับการฉีดที่กล้ามเนื้อโดยตรง เห็นผลชัดอยู่ได้นาน 

ความกลัวถัดมาคือ "ฉีดโบท็อกซ์แล้วจะยิ้มแข็งไหม" โดยปกติฉีดโบท็อกซ์แล้วอาจจะมีโอกาสที่ทำให้การยิ้มดูแข็ง แต่โดยส่วนตัวที่คุณหมอฉีดให้มด ต้องบอกเลยว่าคุณหมอเชี่ยวชาญมากอันนี้ให้คะแนนส่วนตัวเองเลยเพราะผลที่มดฉีดออกมาหลังจากที่โบท็อกซ์เริ่มทำงาน คือไม่โป๊ะเพื่อนจับไม่ได้ ยิ้มเป็นธรรมชาติไม่แข็งค่ะ


ผลหลังฉีดทั้ง Filler ที่คางและ Botox ที่กรามเสร็จในทันที โบท็อกซ์อาจยังไม่เห็นผลเท่าไหร่ต้องรอ 1 อาทิตย์ แต่ฟิลเลอร์คือเห็นได้ชัดมากว่าฉีดแล้วมีคางเลยหน้าดูมีเชปขึ้นมาก ๆ รอยบุ๋มที่คางหายไปเลยส่วนตัวคือชอบมาก ๆ คือถ้าใครอยากสวยแบบเห็นผลเร็วต้องฟิลเลอร์เท่านั้นจริง ๆ ค่ะ


ผลหลัง 3 อาทิตย์ หน้าเข้าที่มาก ๆ กรามลดลงรับกับคางมาก ๆ จากเดิมที่เป็นผู้หญิงที่หน้าสั้นไม่มีคางเลย พอมีคางแล้วมีความสุขมากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดขึ้นมาก ๆ 


ราคาความสวยในครั้งนี้ 
ช่วงนี้ทาง Masterpiece Hospital มีโปรโมชั่นที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนความสวยมาก ๆ ในเคสของมดราคา

-  Neuramis Filler 1 CC ราคา 6,900 บาท จากราคาเต็ม 8,900 บาท
- Neuronox ฺBotox 80 unit ราคายูนิตละ 89 บาทจากราคาปกติ ยูนิตละ 120 บาท ตกประมาณ 7 พันนิดๆ

รวม ๆ ทั้ง 2 อย่างที่ทำไปก็ตกประมาณ หมื่นหกหมื่นเจ็ด ซึ่งคุ้มค่ามาก ๆ เพราะถือว่าราคาไม่แพงเลยค่ะและก็ยังมั่นใจได้ว่าที่นี่ปลอดภัยแน่นอน มดเก็บภาพบรรยากาศเป็นวีดีโอไว้ด้วยถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงลองเข้าไปดูกันได้ในคลิปนี้เลย


ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปสอบถามได้ที่ https://www.facebook.com/SkinMaster.Thailand/

หวังว่าทุกคนคงจะชอบกันนะคะ ครั้งหน้ามดจะพาไปทำสวยที่ไหนกันอีกรอติดตามชมกันได้เลย